สวัสดีค่ะทุกคน ในบล็อกนี้ เราจะมา รีวิว Personal color ของตัวเอง หลังไปวิเคราะห์มาเรียบร้อยแล้ว ว่าเรานั้นเหมาะกับสีอะไร และควรเลี่ยงสีอะไร เดี๋ยวเรามาดูกัน มาทำความรู้จักกับ Persenal color กันก่อนนะ
Personal color คืออะไร ?
เอาง่ายๆแบบแปลตรงตัว Personal แปลว่า ตัวเรา ส่วน Color แปลว่า สี ซึ่งรวมกันแบบง่ายๆก็คือ สีของตัวเรานั่นเอง แต่ละคนก็จะมีสีที่เหมาะแตกต่างกันออกไป โดยวัดได้จากสีผิว สีตา สีผมแท้ๆ
ทำไมตัวเราต้องมีสีที่เหมาะ ?
พอเราโตขึ้น เริ่มแต่งตัว แต่งหน้า การที่รู้ว่าตัวเองเหมาะกับสีอะไร มันเป็นอะไรที่ง่ายมาก เพราะเราจะได้เลี่ยงหรือพยายามหาสิ่งที่เข้ากับเรามาปรับ เพื่อให้ออกมาดูดีมากขึ้น
แล้วเราจำเป็นต้องไปวิเคราะห์มั้ย ?
ซังเคยคิดว่าไม่จำเป็นต้องรู้ว่าตัวเองเหมาะกับสีอะไรก็ได้ มันไม่ได้จำเป็นขนาดนั้น แต่ด้วยความอยากลองเลยไปเช็คดู สรุปคือเวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าง่ายขึ้นเยอะ แถมเรารู้จักตัวเราเองมากขึ้น มองตัวเองชัดขึ้นและมั่นใจมากขึ้นด้วย เอาง่ายๆว่า หากมีงบก็ควรไปลองเช็คดูนะ ใช้ชีวิตง่ายขึ้นมาก
ซังจองคิวไปเช็คกับคุณเอริ Colori ซึ่งคุณเอริเนี่ย เค้าเรียนจบได้ใบรับรองเรื่องนี้มาโดยตรง มั่นใจได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยจองคิวล่วงหน้านานมาก ประมาณ 2-3 อาทิตย์ได้ รอบนึงจะใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
สิ่งที่ต้องเตรียมตัวก่อนไปวิเคราะห์โดยคร่าวๆ ก็คือ
- อย่าใส่คอนเทคเลนส์
- ใส่พกเครื่องสำอางที่ใช้เป็นประจำไป
- ไม่ควรแต่งหน้าไป เพราะไปถึงต้องลบหน้าออกอยู่ดี
- ใส่เสื้อสีเรียบๆ คลีนๆจะง่ายต่อการเช็คสีมากขึ้น (อันนี้ซังแนะนำนะ)
โดยเริ่มแรกจะเค้าจะให้เรากรอกเอกสารว่าชื่ออะไร คิดว่าเราเป็นคนยังไง ชอบสีอะไร ไม่ชอบสีอะไร คิดอยากเป็นคนยังไง
หลังจากนั้นก็จะเริ่มพูดคุยกันไปเรื่อยๆ ทั้งเรื่องความชอบ เรื่องต่างๆ และต่อด้วยการเทียบหาสีที่เหมาะสมด้วยผ้า
โดยใช้แสงธรรมชาติในการดูสีว่าเหมาะกับเรารึเปล่า บอกเลยว่า พอได้เทียบแบบนี้คือเห็นชัดมากว่า เหมาะกับสีไหน และไม่เหมาะกับสีไหน
ซังเช็คแบบ 16 Types ใช้ผ้าทั้งหมด 40 เฉดสีในการวิเคราะห์ ในขั้นตอนนี้ใช้เวลาเกือบ 1 ชั่วโมงได้ เพราะต้องค่อยๆดูไปทีละสี ซังชอบขั้นตอนนี้ที่สุด เพราะว่าสนุกมาก ไม่ดูสีด้วยตัวเอง ได้เห็นชัดๆว่าเราเหมาะกับสีไหน และไม่เหมาะกับสีไหน
สรุปหลังจากที่ได้วิเคราะห์สีทั้งหมด ซังก็ได้สีที่เหมาะกับซังตามนี้เลย
- bright spring : สีสันออกสดใสสว่าง
- Warm spring : โทนอ่อนๆแต่ยังคงสดใสอยู่
- bright summer : โทนเย็นแบบสดใส
- Warm autumn : โทนอุ่นแบบสีสว่าง
ปกติแล้วซังสีผิวประมาณ 21 ซึ่งสีผิวจะออกขาวชมพู สีตาน้ำตาลเข้ม สีผม(แบบไม่ได้ย้อม)คือน้ำตาลเข้ม
สรุปคือ ซังจะเหมาะกับเสื้อผ้าที่โทนสดใส หรือโทนสีสันออกเข้มๆ หน่อย จะเหมาะโทนหนาวๆหม่นๆเลย และจากที่ย้อนไปดูรูปตัวเองแล้ว สิ่งที่ได้คือ จริงง ! ซังจะชอบใส่เสื้อที่มีสีสัน เพราะรู้สึกว่าใส่แล้วมันขับผิว ทำให้หน้าดูไบร์ทขึ้น : )
ซึ่งจากที่ดูรูปที่เคยถ่ายมาทั้งหมด สรุปไดัว่าจริง !! เพราะไม่ต้องแต่งอะไรเยอะ ก็คือดูดีเลย
แต่กลับกันกับสีที่ต้องแต่งเยอะๆ พวกโทนตุ่นๆ สีครีม สีเสื้อผ้าสไตล์หม่นๆ คือ ลุคที่ออกมามันค่อนข้างไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่
สิ่งที่ได้จากการวิเคราะห์ในครั้งนี้ ทำให้ซังเลือกซื้อเสื้อผ้าได้สนุกมากขึ้น ง่ายขึ้น เพราะรู้แล้วว่า เหมาะกับสีไหน ใส่อะไรแล้วขึ้น แต่!!! ไม่ได้หมายความว่าซังจะใส่สีอื่นไม่ได้นะ สีไหนที่เราไม่เหมาะ หรือใส่แล้วดูดร็อป เราก็หาเสื้อหรือกางเกงอื่นๆ ใส่ Mix เอาได้
สีที่เหมาะ คือสีที่เราใส่หรือเราแต่งกับตัวเราแล้ว ช่วยให้ผิวผ่อง ไม่ต้องแต่งหน้าเยอะ ไม่ต้องแต่งอะไรเยอะๆก็สวย
แต่ถ้าเราใส่สีที่ไม่เหมาะ อาจจะต้องทำให้เราต้องแต่งหน้าเยอะขึ้น เพื่อให้ดูดี หรือใส่สีนั้นๆแล้วหน้าดูหมอง โทรม
สำหรับซังแล้วว่า การวิเคราะห์ในครั้งนี้ ถือว่าช่วยให้มีความมั่นใจมากขึ้น แต่งตัวสนุก มากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีมาก ทำให้เราได้เรียนรู้ว่าควรใส่สีอะไรแล้วแต่งเติมด้วยสีอะไร จะทำให้ดูดีมากขึ้น
สำหรับใครที่อยากลองไปวิเคราะห์ก็สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ : Colori
สำหรับวันนี้ซังต้องขอตัวลาไปก่อน แล้วพบกันใหม่ในบล็อกหน้า สวัสดีค่ะ : )
♥ BYE BYE ♥
▷ IG : sungsungblog
▷ FACEBOOK : sungsungblog
▷ BLOG : sungsung-blog.com
